Aug 16, 2013

อ่านละครวันนี้เรี่องสาปพระเพ็ง วันที่ 15 August 2013



“ท่านทำอะไรน่ะ เจ้าปันแสง”

“ลงโทษลูกผู้หญิงแพศยา ข้าหลวงอย่างเจ้าไม่เกี่ยว หลบไปนันทวดี”

“ข้าหลวงอย่างข้าไม่เกี่ยวก็จริงแต่เจ้านางจันท เทวีคงไม่พอใจแน่ ๆ ที่มีคนทำร้ายพี่หญิงของนาง”


เจ้าปันแสงมองนันทวดีที่ออกโรงขวางด้วยความโมโห แล้วเดินออกไป...เจ้านางอินยานั้นมีจิตใจเหี้ยมโหด มักจะลงโทษด้วยการโบยตีด้วยแส้ที่ทำขึ้นพิเศษ แล้วใช้มีดกรีดให้ปริเลือดพุ่งออกมาจากเนื้อข้าหลวงสาว เอาเกลือกดลงไปบนแผล ยิ่งให้พวกนางข้าหลวงร้องอย่างเจ็บปวด เจ้านางอินยาก็ยิ่งสะใจ เช่นเดียวกับเจ้าปันแสง

มรันมาได้ยินเสียงร้องโอดโอยของข้าหลวง ทนไม่ไหว หันไปทางจันทเทวี กับนันทวดี

“ได้ยินหรือไม่ ความกรุณาที่ท่านให้ กำลังฆ่าผู้หญิงคนอื่นให้ตายทั้งเป็น” มรันมารีบผละไปทันที

มรันมาโมโหสุดขีด ผลักอกอสุนี พุ่งเข้าไปหาเจ้าปันแสง เจ้าปันแสงจับมรันมาเหวี่ยง มรันมากลิ้งไปกับพื้นตรงหน้านันทวดีที่เดินมาพอดี นันทวดีประคองมรันมา แล้วมองเจ้าปันแสง
สีหสา วาเร กับทหารส่วนหนึ่งกำลังควบม้า หาตำแหน่งตั้งค่ายเพื่อบุกศรีพิสยา ติสสามาเห็นเข้าก็เข้าเล่นงานทันที สองฝ่ายสู้กันจนล้มตาย เหลือแค่วาเรกับเมฆาที่ยังไม่มีใครเพลี่ยงพล้ำ เช่นเดียวกับ ติสสากับสีหสาที่ประดาบกันอย่างดุเดือด ต่างฝ่ายต่างได้รับบาดเจ็บ

ติสสาเลือดไหลเลอะเต็มตัว มาได้ยินจันทเทวีกับนันทวดีคุยเรื่องมรันมาถูกเจ้านางอินยาเล่นงาน นึกเป็นห่วง จึงบอกเมฆาให้ไปรายงานเจ้าปรันมาเรื่องสีหสาโดยด่วน ส่วนตนไปตำหนักเจ้านางอินยา เห็นนางกำนัลกำลังถูกเล่นงาน

“ข้าควรจะให้รางวัลอะไรดี กับพวกทนมือทนไม้อย่างเจ้าสองคน...สักแผลสองแผลที่หน้าพวกเจ้าแล้วกัน มองกระจก เมื่อไหร่จะได้สำนึกบุญคุณข้า”

เจ้านางอินยากำลังจะกรีดหน้าข้าหลวงที่ร้องลั่นด้วยความกลัว ติสสาพรวดเข้ามายืนตรงหน้า

“แม่ทัพติสสา เจ้ากล้าบุกรุกตำหนักข้า”

เจ้านางอินยามองติสสาที่มาในสภาพมีเลือดเลอะร่างก็ประเมินแล้วว่าติสสาต้องมาเรื่องสำคัญมาก จึงให้ทหารลากตัวนางข้าหลวงออกไป

“เจ้าก็รู้ โทษบุกรุกตำหนักเจ้านาง ตายสถานเดียว”

“ข้ายินดีตาย แต่ขอให้ปล่อยมรันมาออกไปจากที่นี่ก่อน”

อินยาเดินตรงมาหาติสสา ด้วยรอยยิ้มยั่วยวน เต็มไปด้วยเสน่ห์ มองไล้เรือนร่างกำยำของติสสาตรงหน้า

“เจ้าไม่มีสิทธิมาต่อรองให้ลูกสาวนังอเลยา”

“ข้าไม่ได้ต่อรอง ข้ามาขอความปรานี ... หากเจ้านางจะมีหลงเหลือ”

ติสสามองสบตาเจ้านางอินยา เจ้านางเอื้อมมือไปแตะเลือดที่เลอะบนอกติสสา วางมีดลงบนอกของชายหนุ่ม

“ใครกันทำร้ายเจ้าได้ถึงเพียงนี้...เจ็บมั้ย ...ติสสา...”

“เจ้านางก็รู้ เจ็บใดจะเท่าเจ็บที่กรีดลงบนใจ...เจ็บเพราะไม่เป็นที่รัก เจ็บจนทำได้ทุกสิ่ง ให้คนที่มาแย่งชิงรัก พินาศลงไปกับตา”

ติสสานึกถึงอดีตที่เจ้านางเคยลงมือทำเรื่องเลวร้าย เจ้านางอินยาโมโหเดินออกไปหาลูก ชายที่ห้อง

“ปล่อยมัน”

“มันเป็นของข้า”

เจ้านางอินยาตบหน้าลูกผัวะ เจ้าปันแสงหยุดถาม รีบเข้าไปแกะมือมรันมาจากเสาเตียง มรันมาลุกขึ้น วิ่งพรวดออกไปจากห้องทันที อินยามองตามด้วยความแค้นที่ต้องปล่อยมรันมาไป

ติสสายิ้มดีใจเมื่อเห็นมรันมาวิ่งออกมา แล้วจะเดินกลับแต่ต้องทรุดเพราะเสียเลือดมาก มรันมาหันไปเห็นติสสาบาดเจ็บเลือดเต็มตัวก็ตกใจ

“พี่ชาย...พี่ชายโดนฟัน...พี่ชายจ๋า ...ใครทำอะไรพี่ชาย

ติสสาไม่ยอมตอบ มรันมาเสียงเง้างอด

“พี่ชายจ๋า...ทำไมไม่ตอบน้องน้อย หรือไม่ใส่ใจมรันมาคนนี้ คนที่ท่านดูแลปกป้องมาตั้งแต่เล็ก ...พี่ชายไม่อยากให้มรันมาเป็นน้องน้อยอีกแล้ว”

“ไม่เคยเลย ไม่เคยคิดเลยว่าน้องน้อยเป็นคนอื่น ...พี่ชายขอโทษ” ติสสาพ่ายแพ้ต่อเสียงเง้างอดของสาวน้อย

“ใครทำอะไรพี่ชายมาจ๊ะ...แผลลึกเหมือนโดนดาบ...พี่ชายมาจากตำหนักเจ้านางอินยาหรือเปล่า”

“เปล่าจ้ะ..พี่ชายไปสืบข่าว เพิ่งกลับเข้ามา”

ติสสาโกหก มรันมามองแผลติสสา สีหน้าเป็นห่วง

“นิ่ง ๆ นะจ๊ะ ....อย่าเพิ่งขยับ”

“พี่ต้องไปเฝ้าเจ้าปรันมา”

“น้องน้อยบอกว่า ...พี่ชายอย่าเพิ่งขยับ”

ติสสาแม่ทัพผู้ห้าวหาญกลายเป็นหนุ่มน้อยเชื่อฟังคำสั่งมรันมาโดยดี ติสสามองหน้ามรันมาด้วยแววตาที่รักที่เกินพี่ชายมาเนิ่นนานแล้ว แต่ไม่อาจแสดงออกให้รู้ได้

ทางด้านปุระนคร นรสิงห์กระชากธนูที่ปักอยู่เหนือไหล่สีหสาออก แล้วก้มลงจูบสีหสาที่เจ็บปวด เมื่อได้รับสัมผัส จากนรสิงห์ก็เต็มไปด้วยความผ่อนคลาย รัญจวนใจ เธอเหนี่ยวรอบคอองค์นรสิงห์ไว้ แล้วร่างของทั้งสองเบียดติดผนัง

“มีอะไร สุเลวิน” นรสิงห์หันไปถามสุเล วินโหรา

“ข้าไม่ได้มาหาองค์ ข้าเอายารักษาแผล...มาให้แม่ทัพสีหสา...เห็นที...คงมียาดีอยู่แล้ว”

สุเลวินหันหลังกลับไปทันที องค์นรสิงห์ผละจากร่างสีหสาอย่างหมดอารมณ์ สีหสาเจ็บใจที่สุเลวินมาขัดจังหวะ

เจ้านางอินยาปักมีดลงไปที่ต้นไม้ใหญ่ระบายความเจ็บใจ เจ้าปันแสงยืนมองอยู่ด้านหลัง

“พวกมันจะอยู่เหนือเราได้อีกไม่นานหรอก ปันแสง...โดยเฉพาะนังมรันมา...มันจะไม่ได้เฉียดใกล้บัลลังก์ศรีพิสยา นังอเลยาแม่มันเคยแย่งชิงหัวใจเจ้าศรีพิสยาไปจากข้าครั้งนึงแล้ว...ลูกมันจะ ไม่มีสิทธิมาแย่งอะไรไปจากเราอีก ที่ ๆ เดียวที่มันสองคนแม่ลูกสมควรอยู่ คือ สุสานฝังศพ”

เจ้านางอินยาจะจ้วงมีดลงไป แต่เจ้าปันแสงจับข้อมือแม่ ดึงมีดออก

“ใครที่ขวางทางเรา ไม่ว่าจะยิ่งใหญ่แค่ไหน...มันต้องมีจุดจบเดียว”

ว่าแล้วเจ้าปันแสงปามีดไปปักเข้าที่คอทหารตายทันที สองแม่ลูกแค่ปรายตามองทหารยามที่กำลังกลากออกไป เหมือนแค่เศษชีวิต แล้วหันกลับมายิ้มให้กันอย่างเลือดเย็น

“ข้าจะทำทุกอย่างให้ศรีพิสยาเป็นของเจ้า ...ปันแสง ของเจ้าคนเดียว”

เวลาเดียวกันในวิหารปุระอมร นรสิงห์รุ่มร้อนอยากจะบุกตีศรีพิสยา

“ทำทุกอย่างที่ข้าจะได้ศรีพิสยา ใครหรือสิ่งใดที่มันปกป้องศรีพิสยาอยู่ ทำลายให้หมด...”

นรสิงห์ประกาศแววตากร้าวกระด้าง ทะนงในอำนาจอันยิ่งใหญ่ของตัวเอง สีหสามองอย่างบูชานรสิงห์

“แสงเดียวที่จะสาดส่องเหนือทุกอาณา จักรบนโลกนี้ ต้องเป็นแสงอาทิตย์ขององค์นรสิงห์สีหบดี ไม่ว่ากี่ร้อยกี่พันปี ชื่อขององค์นรสิงห์สีหบดีจะต้องเป็นอมตะ”

พลันเห็นเมฆดำลอยผ่าน แสงสีฟ้าเข้มวาบขึ้นทาบทับเสี้ยวหน้าขององค์นรสิงห์ ติสสานั่งมองมรันมาที่พันแผลให้ เขาเผลอยิ้มมองเพลิน มรันมาเงยขึ้นมอง ติสสารีบทำหน้าเคร่งขรึม

“ลุกไหวมั้ยจ๊ะ”

“ถ้าไม่ไหว น้องน้อยจะอุ้มพี่ชายไปส่ง”

“น้องน้อยไม่อุ้มหรอก...น้องน้อยจะเรียกเมฆากับมารุตมาแบกพี่ชายไป”

“เฮ้อ...ให้ไอ้สองคนนั้นมาแบก พี่ยอมคลานไปดีกว่า เจ้านาง”

“อย่าเรียกน้องน้อยแบบนั้น ...พี่ก็รู้ ทั้งรู้ทั้งเห็นมาตั้งแต่น้องน้อยเกิด ไม่ใช่สายเลือดเจ้าศรีพิสยา น้องน้อยไม่เสียใจ ให้เป็นแค่มรันมา เป็นน้องน้อยของพี่ชายใจดี ที่คอยปกป้อง แค่นี้ก็พอ...”

ติสสาค่อย ๆ เลื่อนมือไปชิด แล้วสบสายตามรันมาหลบตาเขินอาย ติสสาเด็ดดอกไม้กะจิด ริดใกล้ ๆ ส่งให้มรันมา

“ดอกหญ้า...เหมือนตัวน้อง”

“ทำไมน้องน้อยถึงชอบดูถูกตัวเองนัก”

“ก็ดีกว่าให้คนอื่นมาเย้ยหยัน...ชีวิตที่ไม่เคยถูกเหยียบย่ำ ไม่ต้องเติบโตอยู่ใต้คำกดขี่อย่างพี่ชาย จะไม่มีวันรู้ว่าความเจ็บที่แทรกอยู่ทุกอณูในกาย ในลมหายใจ...มันเจ็บปวดสาหัสเพียงใด ให้มีดกรีดร่างร้อยเล่มพันเล่มยังเจ็บน้อยกว่า”
...........................................
 พิมพ์จากหนังสือ ประโลมโลกละครไทย

0 comments:

Post a Comment

Note: Only a member of this blog may post a comment.