มรันมาร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บช้ำที่โดนเจ้านางอินยา และเจ้าปันแสงทารุณจิตใจมาตลอด ติสสาแตะเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมา
“ยังมีคนเห็น...มีคนห่วงใย”
มรันมาหันมาสบตาติสสา สองหัวใจกำลังสื่อความรู้สึกที่ดีต่อกัน ติสสามองใบหน้านวลสวย แล้วหักห้ามใจผละตัวออกห่าง มรันมาเองก็เก้อเขิน รีบลุกขึ้น
“น้องน้อย...จะไปไหน”
“กลับไปตำหนัก หายมานาน เดี๋ยวเจ้านางอินยาจะไม่พอใจ”
“พี่ชายจะพาไปตำหนักเจ้านางจันทเทวี อย่ากลับไปตำหนักเจ้านางอินยาอีกเลย อย่าไปให้เจ้าปันแสง...มาอยู่ใกล้ ๆ”
“พี่ชายนี่เองที่คอยช่วยน้องน้อยจากเจ้าปันแสง...พี่ชายคอยช่วยน้องน้อย เมื่อคืนก่อนในสวนใช่มั้ย”
มรันมาหันมามองหน้าติสสาอย่างอยากรู้ ติสสามองสบตามรันมา
“ไม่ใช่พี่ชายหรอก...เจ้าปรันมาสั่งทหารคนนึงให้คอยติดตามน้องน้อย”
“ทหาร...คนไหน ชื่ออะไร”
“พี่ชายก็ไม่รู้...เจ้าปรันมาเป็นห่วงน้องน้อยมากนะ...เป็นห่วงอย่างน้องสาวคนนึง”
“น้องสาวเจ้าปรันมามีเพียงคนเดียว คือเจ้านางจันทเทวี น้องไม่ใช่...น้องน้อยไม่อยากเป็นเจ้านาง ถ้ากรีดเลือด ทุกหยดของเจ้าศรีพิสยาออกมาจากตัวได้...น้องน้อยก็จะทำให้เหลือเพียงเลือด ของแม่อเลยา น้องน้อยไม่เคยต้องการเลือด สูงส่งของราชวงศ์ศรีพิสยามาอยู่ในตัว”
ติสสาเอามือปิดปากมรันมาทันที ชั่วขณะสบตากัน ความรู้สึกใกล้ชิดแล่นเข้าหัวใจสองดวง
“อย่าพูดอย่างนั้น น้องน้อย...อย่าปฏิเสธสายเลือดศักดิ์สิทธิ์แห่งศรีพิสยา
มาปัจจุบัน รัดเกล้าเหมือนถูกผลักกลับมาในที่ ๆ สว่าง พร้อมอาการเจ็บแปลบที่อก จนตัวงอ ก่อนจะลุกพรวดขึ้น เจ็บที่หน้าอก ไผ่เผลองีบที่เก้าอี้ สะดุ้งตกใจ รัดเกล้าหันไปเห็นหน้าไผ่ เต็ม ๆ เธอถึงกับอึ้ง
“คุณ...นักรบ...ฝัน...เหมือนฉันเห็น ความตาย ...ฉันจำอะไรไม่ได้” รัดเกล้าส่ายหัว
“ความจำเสื่อมหรือเปล่าคุณ จำผมได้มั้ย ผมขับรถชนคุณ แล้วคุณก็สลบไป ผมไม่หนี ผมพาคุณมาโรงพยาบาล ร้อยเวรมาสอบปากคำผมแล้ว แต่คุณไม่มีเอกสารอะไรติดตัวเลย นอกจากเงินในกระเป๋า ผมรับผิดชอบทุกอย่างนะ ไม่ต้องห่วง คุณเป็นอะไรมากมั้ย...”
ไผ่ยื่นมือไปจะแตะหน้าผากหญิงสาวด้วยความเป็นห่วง รัดเกล้าปัดมือแรง
“ไม่ต้อง...ฉันจะกลับบ้าน”
รัดเกล้าพยายามดึงสายน้ำเกลือออก
“จะกลับไปได้ไง คุณสลบไป 6 ชั่วโมงรวด”
“6 ชั่วโมง...เวรแล้ว โอ๊ย...ฉันตายแน่ ๆ” รัดเกล้าลุกพรวดจากเตียง
“ใช่...ผมนึกว่าคุณจะตายแน่ ๆ...ขอโทษ...ปากเสียไปหน่อยใช่มั้ย คือผมกลัวคุณจะสมองกระทบกระเทือน ยังไงคุณอยู่ให้หมอเช็กหน่อยนะ”
“ไม่ได้ ฉันต้องกลับบ้าน กลับเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันต้องตาย ตายจริง ๆ อย่างที่คุณพูด”
รัดเกล้ากระชากเข็มน้ำเกลือออกแรง วิ่งไปทางประตู ไผ่ตกใจ
“เอ้ย คุณ...ใครจะฆ่าคุณ บอกผมได้นะ ผมช่วยได้”
จังหวะนั้นพอดีพัทธ์เปิดประตูเข้ามาพร้อมถุงโจ๊ก รัดเกล้าวิ่งสวนออกไปพอดี ไผ่วิ่งตามไป
“คุณ คุณชื่ออะไร...ถ้าจะเอาเรื่อง...ก็จำชื่อผมไว้นะ สถบดี...ผมชื่อสถบดี”
ไผ่ตะโกนบอก แต่รัดเกล้าไม่สนใจ
รัดเกล้ากลับมาถึงบ้าน วิกกี้ถามว่าหายไปไหนมาตั้งหลายชั่วโมง รัดเกล้าโกหกว่ายอดชายโทรฯ มาตามให้ไปช่วยกู้ข้อมูลคอมพิวเตอร์
“ไอ้ยอดชาย เพื่อนเนิร์ดของเธอน่ะเหรอ คบใครก็ให้ดู ๆ หน่อยนะ เอาที่มันไม่ประหลาดนัก เดี๋ยวพ่อกับน้าต้อย แม่เธอจะมาว่าพี่ หาว่าไม่ดูแลน้อง น้าต้อยแม่เธอเค้าก็เลี้ยงพี่มา”
“เกล้ารู้ค่ะว่า พี่กี้รักเกล้าที่สุด”
“วิกกี้ ไม่ใช่กี้ ...ฟังยังกะลูกหมา”
รัดเกล้านวดเท้าให้วิกกี้อย่างเอาใจ
“สบายมั้ยคะ”
“สบาย .. รู้จักเอาใจ กลบเกลื่อนความผิด อย่างนี้ลดโทษกึ่งหนึ่ง”
รัดเกล้ายิ้มประจบ วิกกี้หันไปหยิบกระเป๋าสะพายใบสวยส่งให้
“มิดไนท์เซลส์ เห็นสวยดี เลยซื้อมาฝาก”
“สวยจัง จะเหมาะกับเกล้าเหรอคะ” รัด เกล้ายิ้มดีใจ
“ไม่เหมาะก็ต้องใช้ อยู่มหาวิทยาลัยแกจะแต่งตัวเซอร์แค่ไหน พี่ไม่ว่า แต่ตอนไปฝึกงาน ต้องดูดีหัวจรดเท้า สมเป็นน้องสาวคุณวิกกี้”
รัดเกล้าชะเง้อมองวิกกี้ที่พลิกแฟ้มคดีมาดู
“คดีอะไรคะ”
“ส.ส. ยิงตัวตาย”
“อ๋อ ๆ...ที่ดัง ๆ พี่น้องแย่งสมบัติกัน อีนุงตุงนัง งานนี้พี่วิกกี้ก็ปวดหัวแย่”
ว่าแล้วรัดเกล้าเอาโลชั่นนวดมือให้วิกกี้
“โนจ้ะ ...เธอลืมแล้ววิกกี้แปลว่าอะไร วิกกี้ชื่อพี่น่ะ ..มาจากวิกตอรี่ แปลว่าชัยชนะ วิกกี้คนนี้ต้องชนะทุกสิ่ง ถ้าพี่ทำคดีปริศนานี่สำเร็จ ก็ออกพ็อกเกตบุ๊กก่อนอย่างแรก แล้วก็มีรายการมาสัมภาษณ์ ออกทอล์กโชว์สัก 4-5 ช่อง ทีนี้ก็ขายเรื่องไปทำหนัง...เฮ้อ...ได้ไปบรรยายถึงเมืองนอก ฉันจะช้อปให้เพลินเลย” วิกกี้วาดฝันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
เช้าวันใหม่ รัดเกล้าถือกระเป๋าทำงานใบหรูตามหลังวิกกี้ที่กำลังเดินมาที่รถเพื่อไปทำงาน รัดเกล้าตัดสินใจบอก
“พี่กี้เชื่อมั้ยคะว่า คนเราอาจจะหลับ..หลับฝันถึงอดีตเป็นเรื่องยาว ๆ เห็นทุกอย่าง แต่ได้แค่มอง ทำอะไรไม่ได้ พูดกับใครตรงนั้นก็ไม่ได้”
“อย่าบอกนะว่าที่หายไปเนี่ย แกนั่งยานแม่ ทะลุมิติไปอดีต” วิกกี้ยิ้มขำ
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าทะลุหรือเปล่า แต่เป็นแบบหลับ ฝันเห็น แต่พอตื่นมาก็จำอะไรไม่ได้”
“เค้าเรียกฝันเป็นตุเป็นตะแล้วย่ะ แกอ่านนิยายมากไปหรือเปล่า ยายเกล้า คิดว่ามีผู้ชายรออยู่อีกภพ ถ้าจะข้ามไปหาอีกเมื่อไหร่ ก็บอกด้วยนะ ฉันจะได้แต่งตัวสวย ๆ ไปเป็นเพื่อน เผื่อจะได้เจอผู้ชายดี หล่อ รวย แบบคุณหลวง หรือไม่ก็เจ้าชายรูปหล่อที่รอรักแท้อะไรเงี้ย” วิกกี้หัวเราะชอบใจความคิดตัวเอง
“เกล้าไม่ได้บ้านะคะ”
“เออ...ฉันรู้ว่าแกไม่ได้บ้า แต่ว่าอาจจะเบลอ จะบอกให้นะ ยายเกล้า มันไม่มีจริงหรอก ภพนี้ ภพหน้า ภพไหนน่ะ ปัจจุบันก็คือปัจจุบัน ถ้าคนเรามันจะหลุดอดีตโดดไปโดดมาได้ขนาดนั้นนะ ฉันว่าคนแรกที่คิดทำทัวร์อดีตได้น่ะ จะต้องรวยกว่าทัวร์ไปดวงจันทร์ซะอีก”
วิกกี้หัวเราะอย่างไม่สนใจ ตรงข้ามกับรัด เกล้าที่สีหน้ากังวลถึงสิ่งที่เห็น...หลังวิกกี้ออกไปทำงานแล้ว รัดเกล้าไม่สบายใจจึงชวนยอดชายไปเป็นเพื่อนดูหมอ
“ที่หนูฝันเห็นมันคืออะไรคะ”
“ไม่ใช่ความฝัน”
รัดเกล้ายิ่งสีหน้ากังวล มองหมอดูที่หลับตาลง
“เรื่องจริงเหรอคะ แล้วทำไมหนูถึงเห็น”
“จิตที่ผูกพัน กี่ร้อยกี่พันปี ตัดกันไม่ขาด ถึงมาให้เห็น ให้รู้”
“จิตผูกพัน...หนูกับใครคะ...ผู้ชายนักรบ หรือว่า ผู้ชายคนที่เป็นอมตะ”
ทันใดนั้นลมพัดแรงเปลวเทียนดับวูบ ยอดชายนั่งเบียดเพื่อนทันที รัดเกล้ามองไปรอบ ๆ หมอดูรู้ด้วยญาณ ว่าห้ามพูดบางเรื่อง
“ฉันเตือนได้แค่ระวัง” หมอดูกล่าวเสียงหนักแน่น
“ระวังอะไรคะ”
“ศัตรู”
“ไอ้เกล้าเหรอครับมีศัตรู เพื่อนผมเป็นคนดีนะครับ”
“ศัตรูอยู่รายรอบ ยิ่งรักยิ่งทุกข์ แต่ต้องรัก เพราะหนีกันไม่พ้น”
รัดเกล้านั่งอึ้ง สีหน้ากังวล ในสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองอย่างไม่น่าเป็นไปได้...รัดเกล้าเดินหน้าเครียด ออกจากสำนักหมดดูมาร้านกาแฟพร้อมกับยอดชาย
...............................................................
พิมพ์จากหนังสือ ประโลมโลกละครไทย
0 comments:
Post a Comment
Note: Only a member of this blog may post a comment.