กลางดึก ไศลาฝันว่ามาที่กลางป่าริมน้ำตก พบอาจารย์ที่มอบกล่องไม้โบราณให้ ท่านบอกเป็นนัยๆ ว่ากล่องนั้นอยู่ที่ไหน ไศลาเห็นภาพซับซ้อนว่าอยู่ในห้องนาถสุดา ยิ่งแปลกใจเพราะเธอยังมาทวงถามกับตนอยู่เลย อาจารย์ติง
“คนเรามักจะไม่ค่อยรู้ว่ามีของมีค่าอยู่กับตัวเอง เหมือนกับที่เจ้าปล่อยมันหลุดมือไป”
“ของมีค่าที่หลุดมือไป...” ไศลานึกถึงธีรธร
“บางอย่างเราก็ไม่ได้อยากปล่อยไปนะคะ”
“เอาเถอะ...ไปตามกลับมาให้ทันเวลาก็แล้วกัน”
ไศลาข้องใจ เวลาอะไร อาจารย์บอกว่าแล้วเธอจะรู้เอง ไศลาแย้งว่าตนไม่มีพลังมากพอจะสู้กับใครแล้ว อาจารย์ให้เธอเอาตำรากลับมา แล้วจะรู้เองว่าควรทำอย่างไรต่อไป...ไศลาสะดุ้งตื่น มองไปรอบห้องนอน ลำดับความคิดว่าตัวเองมานอนที่นี่ได้อย่างไร เพราะตนสลบไปตอนโดนพลังของโยคีศิลาดำ ร่างกายยังรู้สึกระบม แต่ไศลาต้องพยายามลุกขึ้นไปเอาตำราคืนมา
ลงมาข้างล่าง พบดุลยศักดิ์นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ เขาพอใจมากที่ไศลาลุกขึ้นได้ จึงสั่งงานใหม่ ไศลาย้อนถามจะให้ส่งยาอีกหรือ เขาหัวเราะรู้ว่าเธอกลัวเหมือนคราวก่อน
“ไม่ได้กลัวค่ะ ฉันจะได้เตรียมรับมือ” ไศลาโต้ทำเข้มแข็ง
“ดี ฉันชอบ...คราวนี้เธอไม่ต้องเสี่ยงเท่าคราวก่อน ฉันแค่อยากให้เธอดูแลแขกคนสำคัญก็เท่านั้น”
ไศลารับคำแต่มองเขาด้วยความไม่ไว้ใจเท่าไหร่ ดุลยศักดิ์เองก็ยิ้มเจ้าเล่ห์...จากนั้นไศลาก็พาร่างที่ยังบอบช้ำนั่ง แท็กซี่ไปยังโรงแรมที่พักของนาถสุดา เธอต้องใช้กระแสจิตหาว่าอยู่ไหน
ระหว่างนั้น นาถสุดากำลังคุยกับศพเทพซึ่งส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง ว่าตนจะไปหาอาจารย์ของไศลาในป่า
เพื่อขอตำรามาชุบชีวิตเขาให้ได้ ไม่ว่าจะสูญเสียอะไรก็ตาม เธอยืนแต่งตัวหน้ากระจก เห็นกล่องไม้โบราณวางอยู่ก็หยิบมาจะเปิด แต่เปิดไม่ออก จึงหงุดหงิดปาทิ้งหน้ากระจก
ไศลาไปผิดที่สองสามแห่งกว่าจะเจอที่ที่แน่ใจว่าใช่ เธอมายืนหน้าห้อง เห็นรถเข็นทำความสะอาดของแม่บ้านมีพวงกุญแจห้อยอยู่ ก็แอบเอามาไข พอจะเอาคืนที่ แม่บ้านออกมาเห็นเธอต้องโกหกว่าพวงกุญแจหล่นจึงเก็บให้ แม่บ้านไม่ติดใจ
ทันทีที่ไศลาก้าวเข้าไปในห้อง แทบผงะเพราะกลิ่นที่คละคลุ้ง เห็นบนเตียงมีโลงแก้วเหมือนตู้เย็นใส่ศพเทพอยู่ เธอจำต้องกลั้นใจหากล่องไม้โบราณ พอเห็นว่าอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้ง ไม่ทันจะหยิบต้องรีบหลบ เพราะนาถสุดากลับมาเอากระเป๋าที่ลืม เธอมองไปยังโต๊ะเครื่องแป้งรู้สึกแปลกใจหันไปคุยกับศพเทพ ขอบคุณที่จัดข้าวของเข้าที่เข้าทางให้ ไศลาอึ้งคิดว่านาถสุดาบ้าไป
แล้ว...เมื่อนาถสุดาออกไป ไศลาก็ออกจากที่ซ่อน มาหยิบกล่องไม้ หันมาพูดกับเทพ
“ฉันจะหาคนมาช่วยคุณทำพิธีให้มันเรียบร้อยนะ”
ไศลาค่อยๆย่องออกจากห้อง ต้องตะลึงเมื่อพบนาถสุดาดักรออยู่ เธอก้าวดันไศลากลับเข้าไปในห้องจนชนโลงศพเทพ ถามเยาะๆว่า ทำอะไรทิ้งไว้แล้วจะเปิดหนีไปง่ายๆหรือ ไศลางงเรื่องอะไร นาถสุดาแว้ดใส่ ยังมีหน้ามาถาม ไศลาแนะนำให้เธอไปหาหมอ
“นี่แกว่าฉันบ้าเหรอ ฉันไม่ได้บ้า แต่ถ้าแกเคยรักใครซักคนมากๆ แต่ฉันจะพูดไปทำไมล่ะ ในเมื่อคนใจโหดเหี้ยมอย่างแก คงไม่มีวันรู้จักความรัก นี่คงมาเพื่อจะเยาะเย้ยฉันล่ะสิ แต่ก็ดี...ฉันจะบอกต่อหน้าเทพตรงนี้เลยว่า ฉันจะเอาตำรามาช่วยเทพให้ได้ แล้วคนที่ตายก็ต้องเป็นแก แกต้องชดเชยด้วยชีวิตของแกเท่านั้น”
ไศลาปฏิเสธว่าตนไม่ได้ฆ่าเทพ แต่นาถสุดาไม่เชื่อและคิดว่าที่กลับมาอีกครั้งเพราะจะฆ่าตนด้วย นาถ-สุดาโผเข้าบีบคอไศลา บังคับให้บอกที่ซ่อนตำราหน้าสุดท้าย ไศลาบอกตนไม่รู้แต่นาถสุดาไม่เชื่อใช้พลังทำร้าย อำนาจจากกล่องไม้ที่ไศลาเก็บในกระเป๋าทำให้พลังสะท้อนกลับ
“นี่มันวิชาอะไรของแก แต่ไม่ว่าแกจะมีวิชาแค่ไหน ถ้าฉันหาตำราได้เมื่อไหร่ ฉันก็จะฆ่าแกให้ได้ด้วยมือของฉัน” นาถสุดาซัดพลังใส่ไศลาอีกครั้ง แต่มันสะท้อนกลับทำเธอกระเด็นไป
ไศลาฉวยโอกาสหนี ออกมาจนถึงหน้าโรงแรม คิดว่ารอดแล้ว กลับเจอโยคีศิลาดำ เขาหัวเราะ “ฉันคิดไม่ผิดที่สะกดรอยตามเธอมา...ในมือเจ้านั่นใช่ไหม กล่องเก็บตำราหน้าสุดท้าย”
ไศลาปฏิเสธแล้ววิ่งหนีหัวซุกหัวซุน โยคีลอยมาขวางหน้าหัวเราะเยาะที่หนีคนอย่างตนเขาฟาดฝ่ามือใส่ หวังจะชิงกล่องไม้โบราณมา ไศลาไม่อาจสู้ได้ แต่ด้วยอำนาจกล่องไม้ถึงพาเธอรอดพ้นออกมาได้ ทำให้โยคียิ่งเข้าใจว่า ไศลาแอบฝึกตำราหน้าสุดท้ายแล้ว
................................................................
พิมพ์จากหนังสือ ประโลมโลกละครไทย
0 comments:
Post a Comment
Note: Only a member of this blog may post a comment.